การจัดการเลี้ยงดู
การเลี้ยงไก่กระทงในปัจจุบันต้องอาศัยการจัดการหลายอย่างที่สัมพันธ์กันเพื่อจุดประสงค์ คือ การผลิตที่มีประสิทธิภาพ ได้น้ำหนักตามเป้าหมาย เปอร์เซ็นต์การเลี้ยงรอดสูงและต้นทุนการผลิตต่ำสุด การจัดการฟาร์มที่ดีอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดของการเลี้ยงไก่ให้มีประสิทธิภาพ ที่ดี
จิโรจ (2547) และงานส่งเสริมการเลี้ยงไก่เนื้อครบวงจร (2549) ได้จัดแบ่งการจัดการเลี้ยงดูไก่กระทงเป็นระยะต่าง ๆ ดังนี้
1. การจัดการระยะกก
ระยะกกเป็นระยะสำคัญที่ต้องการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างมาก เนื่องจากลูกไก่ยังเล็กเกิดปัญหาสุขภาพและตายได้ง่าย ซึ่งมีขั้นตอนการจัดการดูแล ดังนี้
1.1 การเตรียมโรงเรือนและสถานที่กก
ก่อนนำไก่เข้าเลี้ยงต้องเตรียมโรงเรือนให้สะอาดเพื่อลดโอกาสที่จะได้รับเชื้อโรค การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคโรงเรือนให้พิจารณาทำตามลำดับก่อนและหลัง ดังนี้
1.1.1 นำอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกจากโรงเรือน
1.1.2 นำวัสดุรองพื้นเก่าออกจากโรงเรือน
1.1.3 ล้างโรงเรือน
1.1.4 ฆ่าเชื้อทุกซอกทุกมุมในโรงเรือน
1.1.5 ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ อุปกรณ์ ทิ้งตากแดดไว้หรือเก็บในที่สะอาด
1.1.6 ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อระบบให้น้ำและระบบให้อาหารทั้งระบบ
1.1.7 นำวัสดุรองพื้นใหม่เข้าโรงเรือน ซึ่งส่วนมากใช้แกลบ เกลี่ยวัสดุรองพื้นให้มีความหนา 8 – 10 เซนติเมตร แล้วพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นละอองลงบนวัสดุรองพื้นก่อนนำลูกไก่ เข้า
1.1.8 ติดตั้งแผงกั้นและเครื่องกกลูกไก่ โดยพยายามไม่ให้มีซอกมุม เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกไก่เข้าไปนอนสุมกัน แผงล้อมกกควรทำความสะอาดง่ายและมีลักษณะทึบไม่มีรูหรือตาข่าย เพื่อช่วยในการเก็บความร้อนจากเครื่องกก ในช่วง 1 – 3 วันแรก อาจใช้พื้นที่การเลี้ยงลูกไก่ที่ความหนาแน่นลูกไก่ 20 – 30 ตัวต่อตารางเมตร เครื่องกกไฟฟ้าหรือกกแก๊สปกติจะใช้กกลูกไก่ 500 ตัวต่อ 1 เครื่องกก ควรขยายแผงกั้นกกทุก ๆ 2 วัน เพื่อให้มีพื้นที่เหมาะสมให้ลูกไก่อยู่อย่างสบาย ในการติดตั้งเครื่องกกควรมีระดับความสูงที่เหมาะสมกับชนิดของเครื่องกกโดยให้ลูกไก่ได้รับความอบอุ่นที่เหมาะสมที่สุด เปิดเครื่องกกอย่างน้อย 1 – 2 ชั่วโมง ก่อนลูกไก่มาถึงฟาร์ม
1.1.9 จัดเตรียมอุปกรณ์ให้อาหารและน้ำให้พร้อมและเพียงพอกับจำนวนลูกไก่ ในการวางอุปกรณ์ให้อาหารและน้ำ ควรวางสลับกัน การวางอุปกรณ์ให้น้ำควรมีวัสดุรองให้สูง ขึ้นประมาณ 5 เซนติเมตร เพื่อลดปัญหาการปนเปื้อนของวัสดุรองพื้นลงน้ำ
1.2 การจัดการเมื่อลูกไก่มาถึงฟาร์ม
เมื่อลูกไก่มาถึงฟาร์ม ควรนำกล่องลูกไก่เข้าโรงเรือนทันที ชั่งน้ำหนักลูกไก่ ต่อกล่อง ตรวจดูสภาพลูกไก่ นับจำนวนลูกไก่ จดบันทึกรายละเอียดต่าง ๆ ปล่อยลูกไก่ลงกกและควรให้น้ำผสมวิตามินให้ไก่กินอย่างทั่วถึง หลังจากไก่กินน้ำประมาณ 30 นาที จึงวางถาดอาหารแล้วโรยอาหารลงในถาดให้ไก่กินอย่างทั่วถึง ควรให้อาหารน้อย ๆ แต่บ่อยครั้งเพราะจะช่วยกระตุ้นให้ลูกไก่กินอาหารได้มากขึ้น เมื่อลูกไก่อายุได้ 6 – 7 วัน ควรเปลี่ยนอุปกรณ์การให้น้ำ เป็นแบบจุ๊บและอุปกรณ์ให้อาหารเป็นแบบถังอาหาร
1.3 การให้น้ำและอาหาร
การให้น้ำจะต้องมีให้ไก่กินตลอดเวลา อุปกรณ์ให้น้ำต้องสะอาดและเพียงพอกับความต้องการของไก่ การให้อาหารไก่เล็กควรให้น้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง เพื่อป้องกันการหกหล่นและอาหารสดอยู่เสมอ อาหารจะต้องมีให้ไก่กินตลอดเวลา
1.4 การให้ยาและวิตามิน
ในสภาวะปกติลูกไก่ที่สมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องใช้ยาหรือวิตามินใด ๆ การให้ยามักให้ในกรณีที่ลูกไก่ไม่ค่อยสมบูรณ์หรือสงสัยว่ามีเชื้อแบคทีเรีย มักให้ 3 – 5 วัน การให้วิตามินเพื่อเสริมสิ่งที่ร่างกายต้องการซึ่งอาจมีไม่พอในสูตรอาหาร หรือเกรงว่าสิ่งที่มีอยู่ในอาหารอาจเสื่อมคุณภาพลง โดยเฉพาะในกรณีลูกไก่คุณภาพไม่ค่อยดีนัก
1.5 การจัดการแสงสว่าง
ลูกไก่ต้องการแสงที่ค่อนข้างสว่างในช่วงอายุสัปดาห์แรก เพื่อให้ลูกไก่เห็นน้ำ และอาหารอย่างชัดเจน และเป็นการกระตุ้นการกินน้ำและอาหารของลูกไก่ด้วย ความเข้มของแสงไม่น้อยกว่า 50 ลักซ์ ที่ระดับตัวลูกไก่ เมื่อลูกไก่อายุ 7 วันแรก
1.6 การควบคุมอุณหภูมิ
ลูกไก่อายุ 7 วันแรก มีขีดจำกัดในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เมื่อลูกไก่อายุ 1 วัน อุณหภูมิของร่างกายประมาณ 39.7 องศาเซลเซียส และจะค่อย ๆ ปรับสูงขึ้น อุณหภูมิที่ร้อนเกินไปมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ขณะที่อุณหภูมิเย็นเกินไปไก่จะสุมกันและทับกันตาย ไก่ที่เหลือจะโตช้าและมีขนาดไม่สม่ำเสมอ อุณหภูมิที่เย็นเกินไปยังเป็นสาเหตุโน้มนำให้ลูกไก่ท้องมานมากขึ้น อุณหภูมิในบริเวณพื้นที่การกกต้องไม่ต่ำกว่า 31 องศาเซลเซียส สำหรับลูกไก่ในช่วงอายุสัปดาห์แรก
2. การจัดการไก่กระทงระยะรุ่นถึงตลาด
การเลี้ยงไก่กระทงในช่วงระยะรุ่นจนถึงตลาด (2 สัปดาห์ขึ้นไป) มีความสำคัญเช่นเดียวกับในระยะกก เนื่องจากไก่กระทงมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีความสามารถในการเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อสูง จึงเป็นสาเหตุทำให้ไก่เกิดความเครียด โดยทั่วไปจะเลี้ยงไก่กระทงแบบปล่อยพื้นมีวัสดุรองพื้นจำพวกแกลบหรือขี้เลื่อยจะใช้พื้นที่การเลี้ยง 8 – 10 ตัวต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น